วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2560

การนับตัวเลข

การนับตัวเลข
ตัวเลขในการนับในภาษาอังกฤษ นับว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการใช้เป็นหลักประกอบ
สนทนา เพราะคำพูดแต่ละประโยคย่อมต้องมีตัวเลขเกี่ยวข้องอยู่มาก เช่น การต่อรองราคาซื้อ
ขายจำนวนของ และเวลาต่างๆ ซึ่งต้องใช้ตัวเลขทั้งสิ้น (แต่เรื่อง เวลา นี้ อาจจะใช้แตกต่างกับ
เรื่องจำนวน และราคาซื้อขายต้องเรียนรู้ถึงวิธีนับเลข และจำนวนราคาเป็นหลักไว้ก่อน คือ :-
เลข 1 ถึง 10
One    (วัน)             =        หนึ่ง              1
Two    (ทู)              =        สอง              2
Three (ทรี)             =        สาม              3
Four    (โฟร์)           =        สี่                 4
Five    (ไฟ้)             =        ห้า                5
Six      (ซิก)             =        หก                6
Seven (เซฟเวน)       =        เจ็ด               7
Eight   (เอท)            =        แปด             8
Nine    (ไน)             =        เก้า               9
Ten     (เทน)           =        สิบ               10

เมื่อถึงตรงหลัก 10 นี้แล้ว โปรดสังเกตคำว่า “สิบ” ของเขาจะใช้ต่างกันออกไป ไม่
เหมือนภาษาไทย ดังนี้
เลข 11 ถึง 20
Eleven          (อีเลฟเวน)     =        สิบเอ็ด           11
Twelve          (ทะเวลฟ์)      =        สิบสอง          12
Thirteen        (เทอทีน)       =        สิบสาม          13
Fourteen       (โฟทีน)         =        สิบสี่              14
Fifteen          (ฟิฟทีน)        =        สิบห้า            15
Sixteen         (ซิกทีน)         =        สิบหก            16
Seventeen     (เซฟเวนทีน) =        สิบเจ็ด           17
Eighteen        (เอททีน)       =        สิบแปด          18
Nineteen       (ไนทีน)         =        สิบเก้า           19
Twenty          (ทะเวนตี้)      =        ยี่สิบ              20

ผู้ฝึกจะสังเกตได้ว่าเลข 11 กับ 12 ใช้คำแตกต่างกับเลข 14 – 19 เพราะจากเลข 13 – 19
จะลงท้ายด้วยคำว่า teen (ทีนซึ่งแปลว่า (สิบแต่ว่า teen นี้จะใช้เป็นเลข 10 ไม่ได้ ใช้ได้เฉพาะ
ความหมายของคำว่า “สิบ” เท่านั้น เช่น Teenage (ทีนเอ็จซึ่งแปลว่า เด็กวัยรุ่น 10 ขวบขึ้นไป คำนี้เข้าใจว่า ผู้อ่านคงจะได้ยินผ่านหูมาแล้ว  ความนี้มาถึงเลขตั้งแต่ 20 ขึ้นไป ในภาษาอังกฤษก็ยกเอาคำว่า “ยี่สิบ” (Twenty) มาใช้เช่นเดียวกับภาษาไทย คือ
เลข 21 ถึง 30
Twenty – one           (ทะเวนตี้ – วัน)        =        ยี่สิบเอ็ด         21
Twenty – two           (ทะเวนตี้ – ทู)         =        ยี่สิบสอง         22
Twenty – three         (ทะเวนตี้ – ทรี)        =        ยี่สิบสาม        23
Twenty – four          (ทะเวนตี้ – โฟ)        =        ยี่สิบสี่            24
Twenty – five           (ทะเวนตี้ – ไฟ้)        =        ยี่สิบห้า          25
Twenty – six            (ทะเวนตี้ – ซิก)        =        ยี่สิบหก          26
Twenty – seven        (ทะเวนตี้ – เซฟเวน) =        ยี่สิบเจ็ด         27
Twenty – eight         (ทะเวนตี้ – เอท)       =        ยี่สิบแปด        28
Twenty – nine          (ทะเวนตี้ – ไน)        =        ยี่สิบเก้า         29
Thirty                      (เทอตี้)                   =        สามสิบ          30
ต่อไปเอาคำว่า Thirty (เทอตี้ซึ่งแปลว่า 30 นี้ไปใช้กับ 31, 32 ไปจนถึง 39 ตามลำดับ
เลข 31 ถึง 40
Thirty – one             (เทอตี้ – วัน)           =        สามสิบเอ็ด     31
Thirty – two             (เทอตี้ – ทู)             =        สามสิบสอง     32
Thirty – three          (เทอตี้ – ทรี)           =        สามสิบสาม     33
Thirty – four            (เทอตี้ – โฟ)            =        สามสิบสี่        34
Thirty – five             (เทอตี้ – ไฟ้)           =        สามสิบห้า      35
Thirty – six              (เทอตี้ – ซิก)           =        สามสิบหก      36
Thirty – seven          (เทอตี้ – เซฟเวน)     =        สามสิบเจ็ด     37
Thirty – eight           (เทอตี้ – เอท)          =        สามสิบแปด    38
Thirty – nine            (เทอตี้ – ไน)            =        สามสิบเก้า      39
Forty                       (ฟอตี้)                    =        สี่สิบ              40

โปรดสังเกตคำว่า Forty (ฟอตี้ซึ่งแปลว่า 40 แตกต่างกับคำว่า Four (โฟซึ่งแปลว่า สี่
(4) และคำว่า Forty นี้นำมาใช้เป็นเลข 41,42 ไปจนถึง 49 เช่นเดียวกับคำว่า Thirty (เทอตี้ซึ่ง
แปลว่า 30 ฉนั้นในการนับจาก 41 – 49 จึงไม่เป็นการยากต่อการจำเท่าไรนัก คือ
เลข 41 ถึง 50
Forty – one              (ฟอตี้ – วัน)            =        สี่สิบเอ็ด         41
Forty – two              (ฟอตี้ – ทู)              =        สี่สิบสอง         42
Forty – three            (ฟอตี้ – ทรี)            =        สี่สิบสาม        43
Forty – four             (ฟอตี้ – โฟ)            =        สี่สิบสี่            44
Forty – five              (ฟอตี้ – ไฟ้)            =        สี่สิบห้า          45
Forty – six               (ฟอตี้ – ซิก)            =        สี่สิบหก          46
Forty – seven           (ฟอตี้ – เซฟเวน)      =        สี่สิบเจ็ด         47
Forty – eight            (ฟอตี้ – เอท)           =        สี่สิบแปด        48
Forty – nine             (ฟอตี้ – ไน)            =        สี่สิบเก้า         49
Fifty                       (ฟิฟตี้)                    =        ห้าสิบ            50

คำว่า “50” (ห้าสิบนี้ก็เช่นเดียวกัน ภาษาอังกฤษใช้ Fifty (ฟิฟตี้ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่า
Five (ไฟ้แปลว่า 5 นั้นเอง ต่อไปเราก็เอาคำว่า Fifty มาใช้เป็นเลข 51 – 59 เช่นเดียวกับ forty
และ Thirty เหมือนกัน
เลข 51 ถึง 60
Fifty – one              (ฟิฟตี้ – วัน)            =        ห้าสิบเอ็ด       51
Fifty – two               (ฟิฟตี้ – ทู)             =        ห้าสิบสอง       52
Fifty – three            (ฟิฟตี้ – ทรี)            =        ห้าสิบสาม      53
Fifty – four              (ฟิฟตี้ – โฟ)            =        ห้าสิบสี่          54
Fifty – five              (ฟิฟตี้ – ไฟ้)            =        ห้าสิบห้า        55
Fifty – six               (ฟิฟตี้ – ซิก)            =        ห้าสิบหก        56
Fifty – seven           (ฟิฟตี้ – เซฟเวน)      =        ห้าสิบเจ็ด       57
Fifty – eight             (ฟิฟตี้ – เอท)                    =        ห้าสิบแปด      58
Fifty – nine              (ฟิฟตี้ – ไน)            =        ห้าสิบเก้า       59
Sixty                       (ซิกตี้)                    =        หกสิบ            60
เลข 61 ถึง 70
Sixty – one              (ซิกตี้ – วัน)            =        หกสิบเอ็ด       61
Sixty – two              (ซิกตี้ – ทู)              =        หกสิบสอง       62
Sixty – three            (ซิกตี้ – ทรี)             =        หกสิบสาม      63
Sixty – four             (ซิกตี้ – โฟ)             =        หกสิบสี่          64
Sixty – five              (ซิกตี้ – ไฟ้)             =        หกสิบห้า        65
Sixty – six               (ซิกตี้ – ซิก)             =        หกสิบหก        66
Sixty – seven           (ซิกตี้ – เซฟเวน)      =        หกสิบเจ็ด       67
Sixty – eight            (ซิกตี้ – เอท)           =        หกสิบแปด      68
Sixty – nine             (ซิกตี้ – ไน)             =        หกสิบเก้า       69
Seventy                   (เซฟเวนตี้)              =        เจ็ดสิบ           70
คำว่า Seventy (เซฟเวนตี้นี้ถ้าออกเสียงเร็วๆ จะเป็น “เซมตี้
เลข 71 ถึง 80
Seventy – one          (เซฟเวนตี้ – วัน)      =        เจ็ดสิบเอ็ด      71
Seventy – two          (เซฟเวนตี้ – ทู)        =        เจ็ดสิบสอง      72
Seventy – three        (เซฟเวนตี้ – ทรี)      =        เจ็ดสิบสาม     73
Seventy – four         (เซฟเวนตี้ – โฟ)       =        เจ็ดสิบสี่         74
Seventy – five          (เซฟเวนตี้ – ไฟ้)       =        เจ็ดสิบห้า       75
Seventy – six           (เซฟเวนตี้ – ซิก)      =        เจ็ดสิบหก       76
Seventy – seven       (เซฟเวนตี้ – เซฟเวน) =       เจ็ดสิบเจ็ด      77
Seventy – eight        (เซฟเวนตี้ – เอท)     =        เจ็ดสิบแปด     78
Seventy – nine         (เซฟเวนตี้ – ไน)       =        เจ็ดสิบเก้า      79
Eighty                     (เอทตี้)                   =        แปดสิบ          80
เลข 81 ถึง 90
Eighty – one            (เอทตี้ – วัน)           =        แปดสิบเอ็ด     81
Eighty – two            (เอทตี้ – ทู)             =        แปดสิบสอง     82
Eighty – three          (เอทตี้ – ทรี)           =        แปดสิบสาม    83
Eighty – four            (เอทตี้ – โฟ)            =        แปดสิบสี่        84
Eighty – five            (เอทตี้ – ไฟ้)            =        แปดสิบห้า      85
Eighty – six             (เอทตี้ – ซิก)           =        แปดสิบหก      86
Eighty – seven         (เอทตี้ – เซฟเวน)     =        แปดสิบเจ็ด     87
Eighty – eight          (เอทตี้ – เอท)          =        แปดสิบแปด    88
Eighty – nine           (เอทตี้ – ไน)            =        แปดสิบเก้า     89
Ninety                     (ไนตี้)                     =        เก้าสิบ           90
เลข 91 ถึง 100
Ninety – one            (ไนตี้ – วัน)             =        เก้าสิบเอ็ด      91
Ninety – two            (ไนตี้ – ทู)              =        เก้าสิบสอง      92
Ninety – three          (ไนตี้ – ทรี)             =        เก้าสิบสาม      93
Ninety – four           (ไนตี้ – โฟ)             =        เก้าสิบสี่         94
Ninety – five            (ไนตี้ – ไฟ้)             =        เก้าสิบห้า       95
Ninety – six             (ไนตี้ – ซิก)             =        เก้าสิบหก       96
Ninety – seven         (ไนตี้ – เซฟเวน)       =        เก้าสิบเจ็ด      97
Ninety – eight          (ไนตี้ – เอท)            =        เก้าสิบแปด     98
Ninety – nine           (ไนตี้ – ไน)             =        เก้าสิบเก้า       99
One hundred            (วัน ฮันเดรด)                    =        หนึ่งร้อย        100

Hundred (ฮันเดรดแปลตามตัวก็ว่า ร้อย แต่ถ้าจะพูดว่า 100 ก็ต้อง One hundred (วัน ฮัน
เดรด) 200 ก็ต้องว่า Two hundred (ทู ฮันเดรดและ 300 Three hundred (ทรี ฮันเดรด)
ถ้าจะพูดว่า 101 (หนึ่งร้อยหนึ่ง หรือ 102, 103 จะต้องมีคำว่า “และ” and หรือ “กับ” มา
ประกอบด้วย
101             =        One hundred and one          (วัน ฮันเดรด แอน วัน)
102             =        One hundred and two          (วัน ฮันเดรด แอน ทู)
หวังว่าประโยคคำพูดจำนวนหลักหน่วยถึงร้อยดังทีกล่าวมานี้ คงเป็นที่เข้าใจแก่ผู้ฝึกได้ดี
ในหลักต่อไปคือ เลข 1,000 และ 10,000 เราจะต้องใช้คำต่อไปนี้
1,000          =        One thousand                    (วัน เทาแซนด์)
10,000        =        Ten thousand                    (เทน เทาแซนด์)
คำว่า “หมื่น” (10,000) ของภาษาอังกฤษไม่มี จึงใช้คำว่า “สิบพัน” คือ Ten thousand
และคำว่า “แสน” (100,000) ก็เช่นเดียวกัน ใช้พูดเป็น “หนึ่งร้อยพัน” คือ One hundred thousand
(วัน ฮันเดรด เทาแซนด์)
คำว่า “ล้าน” (1,000,000) ใช้ Million (มิลเลียน) One million (วัน มิลเลียน) = หนึ่งล้าน ,Two million (ทู มิลเลียน) = สองล้าน คำว่า Million นี้ จะออกเสียงว่า “มิลยัน” ก็ได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น